วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2552

บดชาเขียวกินเองที่บ้านดีกว่า

โดยปกติเราจะชงชาเขียวดื่มเองที่บ้าน ทั้งแบบใช้เป็นใบๆมาชง และบางครั้งก็ซื้อแบบเป็นผงละเอียดมาชงดื่ม ทั้งร้อนและเย็น สารภาพตามตรงก็ได้ว่าตอนแรกที่เห็นว่า Kyocera มีที่บดใบชาเขียวขายด้วย เราไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่ามันจะเวิร์คอะไรแค่ไหน เพราะไม่ค่อยจะเข้าใจว่าจะบดใบชาเขียวเองไปทำไม อยากทานแบบที่เป็นผงก็ไปซื้อมาชงเองก็ได้ง่ายๆ ไม่เห็นต้องลำบากซื้อที่บดชามาบดเองเลย เห็นทาง Kyocera บอกว่ามันจะได้คุณค่ามากกว่าชาที่ชงเป็นใบๆ ได้คาเทชิน(สารต้านอนุมูลอิสระ)มากกว่า ฯลฯ อะไรทำนองนี้ แต่ก็ไม่ค่อยจะ get เท่าไหร่ ก็เลยลองสั่งเข้ามาขายนิดหน่อยก่อน

พอสินค้ามาถึงเมืองไทย ก็เลยแบ่งมาลองใช้เอง 1 ชุด เพราะอยากรู้ว่ามันควรค่ากับสิ่งที่ลูกค้าของเราต้องจ่ายรึเปล่า พอลองใช้แล้วทำให้เรารู้สึกว่า...โอ้ มันเพราะอย่างนี้นี่เองแฮะ เค้าถึงทำมาให้เราใช้

< ภาพสินค้าที่ทางญี่ปุ่นส่งมาให้ดู

ก่อนใช้ต้องนำที่บดชาไปล้างให้สะอาดแล้วผึ่งให้แห้งสนิทดีก่อน (สามารถถอดส่วนประกอบต่างๆออกมาล้างได้เลย พอแห้งแล้วจึงประกอบกลับเข้าไปใหม่) แล้วจึงนำมาใช้งาน ตัววัสดุไม่ต้องกลัวว่าจะขึ้นสนิม เพราะโม่ทำจากแอดวานซ์เซรามิก (วัสดุเดียวกับที่ใช้ทำมีดเซรามิก Kyocera)

ตอนแรกก็ไปซื้อใบชาเขียวมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ต ลักษณะของใบชาจะเป็นตามรูปข้างล่าง

แกะฝาพลาสติกใสๆของที่บดชาออกมา แล้วเติมใบชาลงไป (เราใช้ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ) แล้วปิดฝา
จากนั้นหมุนก้านมือจับไปตามเข็มนาฬิกาเรื่อยๆ ผงชาที่ถูกบดก็จะลงไปอยู่ด้านล่าง

พอบดจนหมด ก็นำไปชงได้เลย โดยการหมุนเกลียวแล้วเทผงชาออกมา หรือถ้าจะใช้ทีละน้อยๆก็ดึงจุกยางด้านล่าง (ตรงลูกศรชี้) ออกมา แล้วเหยาะผงชาลงในภาชนะ (เหมือนเหยาะพริกไทยป่นลงในอาหาร)

ด้านล่างเป็นรูปเปรียบเทียบก่อนบดและหลังบดแล้ว ทางซ้ายจะเป็นใบชาเขียวปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะที่ยังไม่ได้บด พอบดแล้วจะได้ผงชาทางขวามือ สีจะเขียวสดใสมาก ได้ความละเอียดเหมือนกับชาเขียวผงที่ขายเลย

จากนั้นมาลองชงน้ำกันดู ใช้น้ำร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 80 องศาเซลเซียส ชงชาเขียวไม่ควรใช้น้ำเดือดปุดๆนะจ๊ะ เพราะจะทำให้ชามีรสออกขม เพราะแทนนินในใบชาจะละลายออกมามากไป

ถ้วยซ้ายใช้ใบชาเขียวที่ยังไม่ได้บด 1/4 ช้อนชา + น้ำร้อน 1/2 ถ้วยตวง
ถ้วยขวาใช้ชาผงปริมาณเท่ากัน 1/4 ช้อนชา + น้ำร้อน 1/2 ถ้วยตวงเช่นกัน
จะเห็นว่าชงด้วยใบชาที่ยังไม่ได้บด สีจะเจือจางกว่าชงด้วยชาผง

จากนั้นก็จัดการชิม...

ชาที่ชงจากผงชาบดละเอียด จะมีรสชาติเข้มข้นลึกล้ำกว่า และจะออกรสหวานเล็กน้อยอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งเกิดจาก amino acid ที่อยู่ในชาเอง(รสคล้ายๆกับชาผงยี่ห้อหนึ่งที่ราคาแพงมากๆ ที่ชงออกมาแล้วเขียวเข้มและรสออกหวานๆหน่อย) ส่วนชาที่ชงจากใบชาที่ไม่ได้บดจะมีรสจางกว่ามากๆ และไม่มีรสหวานแบบชาผง

ชาที่ชงจากผงชาที่บดแล้ว นอกจากจะรสนุ่มชุ่มคออย่างที่คาดไม่ถึงแล้ว ยังทำให้เรารู้สึกว่าได้คุณค่าของสารต้านอนุมูลอิสระ "คาเทชิน" และวิตามินต่างๆจากใบชาเขียวอย่างเต็มที่ด้วย และเมื่อเปรียบเทียบกับชาเขียวแบบผงที่มีขายกัน ชาผงพวกนั้นจะมีราคาแพงมาก (เมื่อเทียบราคากับปริมาณ) และส่วนใหญ่จะผสมน้ำตาล Dextrose เพื่อให้รสออกหวานและเพื่อเพิ่มปริมาณ ส่วนชาที่เราบดเองจะเป็นชาเขียวแท้ๆ 100% ที่ไม่ได้ใส่อะไรปนเลย

ในเรื่องความประหยัด เมื่อเทียบกับชาเขียวที่ไม่ได้บด ด้วยปริมาณเท่ากัน ชาผงที่เราบดเองสามารถชงได้หลายแก้วกว่ามาก นอกจากนี้ยังสะดวกกว่า เพราะถ้าเราอยากดื่มชาเขียวเย็น ก็สามารถชงในน้ำเย็นได้เลย
< ชาเขียวเย็นแก้วทางซ้ายใช้ผงชาบดเองเพียงแค่ 1/8 ช้อนชา

ตัวโม่เซรามิกสามารถปรับความละเอียดของผงชาที่ออกมาได้ตามต้องการอีกด้วย เพียงหมุนปุ่มเกลียวที่อยู่ตรงโม่เซรามิกไปทางขวาเป็นแบบบดผงละเอียด หมุนกลับทางซ้ายจะได้ผงหยาบขึ้น (ตามรูป)
ที่จริงแล้ว หัวใจของที่บดชา Kyocera นี้ อยู่ที่ความดีพื้นฐานของโม่ที่ทำจากแอดวานซ์เซรามิกสุดแข็ง (แข็งรองจากเพชร) นอกจากจะไม่ต้องกังวลเรื่องสนิมแล้ว มันยังไม่ทำปฏิกิริยากับวัตดุดิบที่มาสัมผัส เราจึงได้ผงชาที่บริสุทธิ์จริงๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีกลิ่นหรือรสของเหล็กแบบพวกอุปกรณ์ที่เป็นโลหะเลย

ชาผงที่เราบดเอง นอกจากจะนำไปชงดื่มร้อนเย็นแล้ว ยังนำไปทำขนมหรือใช้โรยอาหารได้เหมือนชาเขียวผงทั่วไปเลย สารพัดประโยชน์จริงๆ

พอได้ทดลองใช้ที่บดชาเขียวของ Kyocera แล้วรู้สึกชอบมาก เลยอยากให้คนที่ชอบดื่มชาเขียว ได้มาลองบดชาเขียวชงดื่มเองที่บ้านกันดีกว่านะ



3 ความคิดเห็น:

  1. ราคาเครื่องละเท่าไรคะ น่าสนใจจังถ้าไม่แพงมากอยากจะได้ครอบครองสักอัน

    ตอบลบ
  2. siam paragon 2490
    ลด 20%
    2490 => 1992
    ถึงวันที่ 30 Apr 2011

    กำลังจะไปซื้อเหมือนกันครับ

    ตอบลบ
  3. ตอนนี้ที่สยามพารากอนยังมีขายไหมครับ หรือสามารถห่ซื้อที่ไหนได้บ้างครับ

    ตอบลบ